10 อันดับ แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 รวมแบรนด์ดัง L’Oréal, Lolane, Schwarzkopf, Joico

แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี การมีสีผมสวย ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี แต่สีผมบางเฉดก็ดูแลรักษายาก สระผมเพียงไม่กี่ครั้งก็หลุดลอกหรือเปลี่ยนสีไปแล้ว ดังนั้น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่คนทำสีผมโดยเฉพาะผมสีอ่อนหรือผมฟอกสีน่าจะรู้จักกันดีอย่าง “แชมพูสีม่วง” จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน้าที่ของแชมพูชนิดนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อทำความสะอาดเส้นผม แต่มีคุณสมบัติพิเศษที่จะช่วยกลบสีเหลืองในเส้นผม ซึ่งจะช่วยรักษาสีผมให้สวยสดยาวนานขึ้น รวมทั้งเป็นตัวช่วยในการเตรียมพร้อมเส้นผมสำหรับการย้อมสีประกายเทาต่อไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แชมพูสีม่วงมีวิธีการใช้งานไม่เหมือนแชมพูสระผมทั่วไป อีกทั้งแชมพูแต่ละสูตรก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้คุณได้แชมพูสีม่วงที่ตรงตามความต้องการของสภาพเส้นผมมากที่สุดมาไว้ใช้งาน เราจึงได้นำข้อมูลวิธีการเลือกแชมพูสีม่วงและวิธีใช้ที่ถูกต้องมาแชร์ให้กับทุกคน รวมทั้งรวบรวม 10 แชมพูสีม่วงที่จะช่วยรักษาสีผมสวย ๆ ให้ติดทนยาวนานขึ้นมาแนะนำอีกด้วย โดยมีตั้งแต่ยี่ห้อที่ราคาย่อมเยาอย่าง L’Oréal และ Lolane ไปจนถึงยี่ห้อที่ราคาสูงขึ้นอย่าง Schwarzkopf และ Joico เลยค่ะ
ปัญหาหนึ่งที่คนทำสีผมแทบทุกคนจะต้องพบเจอก็คือ การที่สีผมสวย ๆ ที่เพิ่งทำไปได้ไม่กี่สัปดาห์ซีดจางไวเกินควรหรือเปลี่ยนเฉดสีไปเป็นสีอื่นที่ไม่ต้องการ นั่นเป็นเพราะโดยปกติแล้ว สีผมที่ทำมาจะค่อย ๆ หลุดออกไปทุกครั้งที่สระผม ยิ่งสระบ่อย สีก็ยิ่งหลุดไวมากเท่านั้น อีกทั้งในเส้นผมของเราจะมีเม็ดสีเหลืองอยู่ จึงทำให้สีผมเปลี่ยนไปเป็นสีติดเหลือง ส้ม หรือแดง เช่น ผมที่ผ่านการฟอกสีจะกลายเป็นสีออกเหลือง ผมสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือผมสีเทาก็จะเปลี่ยนเป็นสีทองแทนค่ะ
ดังนั้น วิธีที่จะช่วยรักษาสีผมให้คงอยู่ยาวนานก็คือ การสระผมด้วยแชมพูสีม่วง เนื่องจากหน้าที่ของแชมพูม่วงคือ การลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผม และชะลอไม่ให้เส้นผมกลับมาเป็นสีเหลือง รวมทั้งช่วยปรับโทนสีที่ติดเหลืองให้กลับมาเป็นโทนเย็นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยคงสีผมให้ไม่เปลี่ยนไปและติดทนนานมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แชมพูประเภทนี้จะใช้ได้ดีผมที่ผ่านการฟอกสีมา เช่น สีบลอนด์หรือสีเทา และไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแชมพูเปลี่ยนสีผม หากใช้กับผมสีดำหรือผมสีเข้มก็จะไม่เห็นผลใด ๆ ค่ะ
รู้จักกับแชมพูสีม่วงคืออะไร?
สาว ๆ ที่เพิ่งเข้าวงการเทรนด์การทำสีผมใหม่ ๆ เชื่อว่าเมื่อได้ยินถึงแชมพูสีม่วง คงจะยืนงง ๆ ไม่รู้จักไม่รู้ว่าคืออะไร? แล้วแตกต่างกันยังไงกับแชมพูที่ใช้ทั่วไปยังไง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าแชมพูสีม่วงเหมาะสำหรับคนที่ทำสีผมโดยเฉพาะผมสีบลอนด์เป็นอย่างมาก แชมพูสีม่วง จะมีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสีม่วง มีคุณสมบัติในการช่วยลดเม็ดสีเหลือง สีส้ม และสีแดงในเส้นผมของเรา ช่วยให้สีผมยังคงติดทนนานยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วการทำสีผมนั้น จะอยู่ได้ไม่นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ สีผมจะเริ่มค่อย ๆ หลุดออกจางลง จนกลายเป็นผมสีเหลืองที่ได้กัดหรือฟอกผมไว้นั่นเอง แต่แชมพูสีม่วงนั้นจะเข้าไปช่วยทำหน้าที่ในการชะลอไม่ให้เส้นผมกลับมาเป็นสีเหลือง ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าถ้าใครทำสีผมบ่อย ๆ ต้องกัดหรือฟอกสีผมให้เป็นสีเหลืองก่อนจะเปลี่ยนสีผมนั้น แนะนำให้แชมพูม่วง ใช้ตอนไหนก็ได้ที่สระผมแทนแชมพูทั่วไป เพียงแค่นี้สีผมสวย ๆ ก็จะอยู่กับเราไปได้อีกนาน

จำเป็นหรือไม่คนที่ทำสีผมต้องใช้แชมพูสีม่วง?
ทำไมต้องใช้แชมพูสีม่วง ? แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ? ควรใช้แชมพูสระผมตอนไหน ? ล้วนแต่เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย หากถามว่าจำเป็นหรือไม่คนที่ทำสีผมต้องใช้แชมพูสีม่วง? ขอตอบเลยว่า ถ้าอยากให้สีผมที่ทำนั้นติดทนนานก็ควรต้องใช้แชมพูสีม่วง เนื่องจากหลักการทำงานของแชมพูสีม่วงจะสัมพันธ์กับทฤษฎีสี ถ้าหากอยากที่จะลดทอนความเหลืองของสีผม จำเป็นจะต้องเลือกใช้สีตรงกันข้ามกับสีเหลืองนั่นก็คือ “สีม่วง” เพื่อที่ช่วยปรับสีผมให้ไม่ดูเหลืองหรือส้มจนเกินไป และต้องเข้าใจด้วยว่าแชมพูสีม่วงไม่ได้ทำหน้าที่เปลี่ยนสีผม เพียงแค่ช่วยรักษาสีผมให้คงทนนานขึ้นเท่านั้นเอง
แชมพูสีม่วงเหมาะสำหรับผมสีอะไรมากที่สุด
เมื่อหลายคนเริ่มรู้จักแชมพูสีม่วงกันมาบ้าง จากการได้เห็น รีวิวแชมพูม่วง ตามเว็บไซต์ Facebook Youtube ฯลฯ ก็อาจจะเข้าใจผิดกันว่าแชมพูสีม่วงเหมาะสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงนั้นต้องขอบอกว่า แชมพูสีม่วงจะเหมาะสำหรับคนที่ผ่านการฟอกหรือกัดสีผมมาอย่างหนักหน่วง เพื่อให้ได้สีผมโทนสว่างอย่างผมสีบลอด์ และใครที่อยากจะลดสีผมโทนสีเหลืองหรือสีส้มก็สามารถใช้แชมพูสีม่วงนี้ได้เช่นกัน แต่ในทางกลับกันคนที่ไม่ได้สีผมหรือไม่ได้ฟอกสีผมหากใช้แชมพูสีม่วง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการใช้แชมพูทั่วไป ดังนั้น แชมพูสีม่วง เหมาะสำหรับผมสีบลอด์โดยเฉพาะ
วิธีการใช้แชมพูสีม่วงสระผมต้องทำอย่างไร?
ถ้าถามว่าแชมพูม่วง ใช้ตอนไหน แล้วมีวิธีการใช้ยังไง ซึ่งต้องบอกว่าวิธีใช้นั้นก็ง่าย ๆ เหมือนกับการสระผมด้วยแชมพูทั่วไปเลย เพียงแค่ก่อนจะสระผมไม่ว่าจะเป็นแชมพูม่วงยี่ห้ออะไร ให้อ่านฉลากคำแนะนำและวิธีการใช้ที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ เนื่องจากบางยี่ห้อจะมีวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนกัน อาทิเช่น แชมพูม่วงบางยี่ห้อก็ใช้เหมือนกับแชมพูทั่วไป คือเมื่อสระแล้วก็ล้างออกทันที แต่บางยี่ห้อให้สระแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้ส่วนผสมของแชมพูทำปฏิกิริยากับเส้นผมก่อน นอกจากนี้แชมพูม่วงบางยี่ห้อก็ยังมีครีมนวดหรือทรีทเม้นท์บำรุงผมให้ใช้ควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ทั้งสีผมติดทนนานขึ้น และผมยังนุ่มสลวยสวย ไม่แห้งเสียอีกด้วย
แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ตารางเปรียบเทียบแชมพูสีม่วง
ผลิตภัณฑ์ TOP 5 แนะนำสำหรับแชมพูสีม่วง ยี่ห้อไหนดี ได้แก่ :
- Joico – แชมพูสีม่วง Color Balance Purple Shampoo
- Schwarzkopf – แชมพูสีม่วง Bonacure Color Freeze Silver Shampoo
- L’Oréal Professionnel – แชมพูสีม่วง Serie Expert Silver Shampoo
- Schwarzkopf – แชมพูสีม่วง Goodbye Yellow Shampoo
- Lolane – แชมพูสีม่วง Pixxel Color Refresh Shampoo – Ash
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณเพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าด้านล่าง

10 อันดับ แชมพูสีม่วง ยี่ห้อไหนดี ลดไรเหลือง สำหรับผมทำสี
เมื่อทราบหน้าที่ของแชมพูสีม่วงแล้ว คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่า แชมพูสีม่วงยี่ห้อไหนน่าซื้อมาลองใช้กันบ้าง โดยเราได้เปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติ รีวิว และราคา พร้อมจัดอันดับมาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วค่ะ
แชมพูสีม่วง Color Balance Purple Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | น้ำมัน Rosehip, Arginine, Keratin |
---|---|
ปริมาณ | 300 มล. |
แชมพูสีม่วง Bonacure Color Freeze Silver Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | น้ำมัน Apricot |
---|---|
ปริมาณ | 250 มล. |
แชมพูสีม่วง Serie Expert Silver Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | ไม่ระบุ |
---|---|
ปริมาณ | 300 มล. |
แชมพูสีม่วง Goodbye Yellow Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | ไม่ระบุ |
---|---|
ปริมาณ | 300 มล. |
แชมพูสีม่วง Pixxel Color Refresh Shampoo – Ash
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | โปรวิตามิน B5, Inca Omega Oil |
---|---|
ปริมาณ | 250 มล. |
แชมพูสีม่วง EverPure Brass Toning Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | Hibiscus |
---|---|
ปริมาณ | 200 มล. |
แชมพูสีม่วง Blond Absolu Bain Ultra-Violet Shampoo
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | ดอก Edelweiss, Hyaluronic Acid |
---|---|
ปริมาณ | 250 มล. |
แชมพูสีม่วง Colour Radiance & Repair For Bleached Hair
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | สารสกัด Plant Placenta |
---|---|
ปริมาณ | 250 มล. |
แชมพูสีม่วง Blonde Revival™ Purple Toning Shampoo
เมื่อพูดถึง AVEDA หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงเส้นผม และแน่นอนว่าแชมพูสีม่วงหลอดนี้ก็มาพร้อมคุณสมบัติดังกล่าวเช่นกัน โดยอุดมไปด้วยเม็ดสีม่วงที่เข้มข้นถึง 8 เท่า จึงช่วยปรับสภาพสีผมให้เป็นโทนกลาง ไม่อมเหลือง หรือซีดจาง พร้อมมอบเส้นผมนุ่มลื่น เปล่งประกายสดใส แลดูมีน้ำหนัก ที่สำคัญ ยังฟื้นคืนความนุ่มลื่นสุขภาพดีให้กับเส้นผมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานที่จะช่วยให้คุณสระผมได้อย่างผ่อนคลายสบายใจค่ะ
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | น้ำมันสกัดจากเสาวรสและอาซาอิ |
---|---|
ปริมาณ | 200 มล. |
แชมพูสีม่วง Daddy-O
ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น | น้ำมะพร้าวบริสุทธิ์ |
---|---|
ปริมาณ | 100 มล. |
ไม่ว่าจะเลือกซื้อแชมพูประเภทไหนก็ตาม เราจำเป็นต้องพิจารณาส่วนประกอบของแชมพูที่จะใช้ให้เหมาะกับสภาพเส้นผมของเรา และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้น ไปดูกันเลยค่ะว่าวิธีการเลือกซื้อแชมพูสีม่วงจะมีอะไรบ้าง
มองหาส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเส้นผมในแชมพูม่วง
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า การทำสีหรือฟอกสีผมจะทำให้เส้นผมแห้งเสียและชี้ฟู คุณจึงจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการบำรุงเส้นผมเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักของแชมพูสีม่วงนั้นไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อทำความสะอาดหรือการบำรุงเส้นผมเหมือนแชมพูททั่วไป และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำลายเส้นผมเหมือนกับครีมเปลี่ยนสีผม เราจึงขอแนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์จะดีกว่า เช่น มีส่วนผสมของกรด Hyaluronic หรือ Collagen เพื่อช่วยบำรุงให้เส้นผมกลับมานุ่มสลวยมากขึ้น และยังสามารถหาซื้อทรีทเมนท์สีม่วง หรือทรีทเมนท์สำหรับผมทำสีมาใช้ควบคู่กันไปด้วยก็ได้นะคะ
เลือกดูครีมนวดที่เหมาะสำหรับผมทำสีเพิ่มเติมได้ในบทความด้านล่างเลยค่ะ
เลือกแชมพูม่วงแบบซอง สำหรับพกพา
นอกจากแชมพูสีม่วงแบบขวดหรือหลอดขนาดปกติที่มีวางขายกันทั่วไปแล้ว บางยี่ห้อยังได้ผลิตแชมพูสีม่วงแบบซองมาให้เลือกซื้อด้วยเช่นกัน ซึ่งมีข้อดีอยู่ตรงปริมาณที่พอเหมาะสำหรับการใช้งานหนึ่งครั้ง จึงไม่ต้องกลัวว่าตัวเนื้อแชมพูจะปนเปื้อนสิ่งสกปรกใด ๆ เมื่อใช้งานเสร็จก็สามารถทิ้งได้เลย นอกจากนี้ ยังมีราคาถูกกว่าขนาดปกติ เหมาะกับผู้อยากลองใช้แชมพูสีม่วง แต่ไม่แน่ใจว่ายี่ห้อที่เลือกจะเหมาะกับสภาพผมของตนเองหรือไม่ แถมยังพกพาสะดวก สามารถนำติดกระเป๋าไปใช้เวลาไปเที่ยวได้ด้วยค่ะ
คำนึงถึงเรื่องราคาตามความถี่ในการสระผม
ราคาของแชมพูสีม่วงส่วนใหญ่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 200 – 1,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแชมพูปกติ เพราะฉะนั้น เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนลองประเมินความถี่ในการใช้งานของตัวเองดูก่อน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะสามารถใช้แชมพูม่วงสระผมเป็นประจำได้ แต่ถ้าหากใช้บ่อยเกินไปก็อาจทำให้สีผมเปลี่ยนได้ จึงควรใช้แชมพูม่วงเพียงสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ จากนั้นอาจพิจารณาควบคู่ไปกับปริมาณ คุณภาพ และราคา เนื่องจากแชมพูม่วงที่มีราคาสูงก็มักจะมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ครบครันอยู่แล้ว แต่ก็มีบางยี่ห้อที่ราคาย่อมเยากว่า แต่คุณภาพดีไม่แพ้ยี่ห้อแพง ๆ อยู่ด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งหลังจากการทำสี ผมจะแห้งเสียมาก และการใช้แชมพูสีม่วงเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจฟื้นคืนความชุ่มชื้นได้เท่าที่ต้องการ จึงทำให้ผมแห้งเสีย ชี้ฟู ไร้น้ำหนัก ดังนั้น เราขอแนะนำว่า หลังจากสระผมด้วยแชมพูม่วงแล้ว ควรบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผมโดยเฉพาะร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ผมของคุณกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีและเปล่งประกายสวยงามยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ในบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ
ใช้แชมพูม่วงอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
แม้จะจัดอยู่ในประเภทแชมพู แต่ที่จริงแล้ว แชมพูม่วงไม่ได้มีวิธีใช้เหมือนกับแชมพูทำความสะอาดผมทั่วไป ที่สามารถสระและล้างออกได้ทันที แต่สำหรับแชมพูสีม่วงจะต้องตีฟองโฟมและชโลมให้ทั่วทั้งศีรษะ ก่อนจะทิ้งไว้สักพักหนึ่งเพื่อให้แชมพูทำงาน โดยระยะเวลาที่ควรทิ้งไว้นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ บางยี่ห้ออาจทิ้งไว้เพียงไม่กี่นาที แต่บางยี่ห้ออาจต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที อีกทั้งระยะเวลายังมีผลต่อสีผมที่จะได้ หากล้างผมแล้วรู้สึกว่าสียังติดเหลืองอยู่ สามารถหมักโฟมซ้ำอีกครั้งได้ แต่ถ้าสีผมที่ได้เข้มเกินไป ครั้งหน้าอาจต้องผสมน้ำเพื่อเจือจางแชมพูก่อนสระผมค่ะ
นอกจากนี้ ควรใช้แชมพูม่วงควบคู่ไปกับแชมพูสระผมทั่วไปอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสีผมให้คงทนเป็นสีเดิมนานที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้ายังรู้สึกว่าสีผมซีดจางเร็วอยู่ สามารถเพิ่มความถี่ในการใช้แชมพูม่วงได้ และที่สำคัญคือ แชมพูสีม่วงไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อบำรุงเส้นผมเป็นหลัก ดังนั้น จึงไม่มีสารอาหารเพียงพอสำหรับเส้นผมที่ถูกทำร้ายด้วยสารเคมี แนะนำให้ใช้ทรีทเมนท์บำรุงหลังสระเพิ่ม ผมของคุณจะได้กลับมามีสุขภาพแข็งแรง นุ่มสลวยเป็นเงางามค่ะ
เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการใช้แชมพูม่วง เราขอแนะนำให้ทุกคนลองตรวจสอบอีกครั้งว่า สินค้าที่เลือกมามีคุณสมบัติตรงตามความต้องการหรือไม่ ทั้งเรื่องของสารบำรุง คุณสมบัติเสริม เช่น การป้องกันจากรังสี UV เพราะสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อสีและสุขภาพของเส้นผมที่ผ่านการทำสีเป็นอย่างมาก และควรหมั่นบำรุงด้วยครีมนวด ทรีทเมนท์ น้ำมันใส่ผม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อยู่เสมอ เพื่อความสวยสมบูรณ์แบบของเส้นผมค่ะ

แชมพูม่วงยี่ห้อไหนดี ซื้อเลย!
เมื่อจดลิสต์แชมพูม่วงครบทั้ง 10 ยี่ห้อ ตามที่ Shopee Blog ได้รวบรวมนำมาแชร์ในกันวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้สาว ๆ ตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับเส้นผมของตัวเองมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าแชมพูม่วงแต่ละยี่ห้อนั้น มีเอกลักษณ์ จุดเด่น และส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ใครชอบและถูกใจยี่ห้อไหนก็ไปหากันได้ตามร้านค้าทั่วไปหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และถ้าสาว ๆ คนไหนอยากมีผมสุขภาพดี นุ่มสวย แนะนำให้เว้นระหว่างการทำสีผม อย่าทำสีบ่อยจนเกินไป อย่างน้อยก็ให้เว้น 1-2 เดือน เพื่อให้เส้นผมได้พักจากสารเคมี และควรหมั่นบำรุงเส้นผมด้วยการหมักด้วยทรีทเม้นท์หรืออบไอน้ำผม ส่วนใครที่มีปัญหาผมขาดหลุดร่วงหนักมาก ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับผมร่วงโดยเฉพาะ หรือหาตัวช่วยอย่างวิตามินบำรุงผมมารับประทานก็จะช่วยให้ผมแข็งแรงมีสุขภาพดี หรือใครที่ทำสีผมบ่อยแล้วผมร่วงก็ต้องซื้อแชมพูลดผมร่วงมาใช้ก็จะช่วยไปอีกขั้น
นอกจากที่เราจะดูแลสีผมด้วยแชมพูสีม่วงแล้ว อย่าลืมหมั่นบำรุงด้วยครีมนวดผม ทรีทเมนท์ผม โดยอาจเลือกทรีทเมนท์ที่เหมาะกับผมทำสีเพื่อให้ได้การบำรุงที่เข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งยังมีออยล์หรือน้ำมันใส่ผมที่ช่วยให้ผมเงาสวย และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผมได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ นอกจากจะมีสีผมสวยแล้วสุขภาพผมก็ดีตามไปด้วยค่ะ
คำสำคัญ
- แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี pantip
- แชมพูม่วง ใช้บ่อยแค่ไหน
- แชมพูม่วง ในเซเว่น
- แชมพูม่วง tresemme รีวิว
- แชมพูม่วง ซื้อที่ไหน
- แชมพูม่วง schwarzkopf
- แชมพู ล็อกสีผม ยี่ห้อไหนดี
- แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี 2023
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- Home
- วิถีชีวิต (lifestyle)
- เครื่องใช้ในครัวเรือน (Appliances)
- เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน (Home furniture)