10 อันดับ ข้าวญี่ปุ่น ยี่ห้อไหนอร่อย ปี 2021 รวมสายพันธุ์ยอดนิยม แบบพร้อมทาน และข้าวสาร

สารบัญ
ข้าวญี่ปุ่นต่างจากข้าวไทยอย่างไร ?
ข้าวญี่ปุ่นที่เราพบตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปนั้น มีลักษณะต่างจากข้าวของไทยอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยข้าวของไทยเรานั้นเป็นข้าวชนิดอินดิก้า ที่มีลักษณะเป็นเมล็ดยาว แต่ข้าวญี่ปุ่นนั้นอยู่ในชนิดจาโปนิก้า ซึ่งเป็นข้าวที่มีเมล็ดสั้น และหุงไม่ขึ้นหม้อ มีลักษณะเด่นอยู่ที่ความเหนียวนุ่ม เมื่อหุงสุกแล้วจะให้เนื้อสัมผัสคล้ายข้าวเหนียว ใช้ตะเกียบคีบทานได้
ข้าวญี่ปุ่นนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา (Uruchimai) ที่นิยมทานกันในร้านอาหารทั่วไป และข้าวหวานญี่ปุ่นหรือข้าวเหนียว (Mochigome) สำหรับทำโมจิหรือขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งข้าวญี่ปุ่นธรรมดาที่เราพูดถึงในบทความนี้ ยังสามารถแบ่งได้อีกหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็เหมาะกับการรังสรรค์เมนูที่แตกต่างกันไปอีกด้วยค่ะ
ตารางเปรียบเทียบข้าวญี่ปุ่น
ผลิตภัณฑ์ TOP 5 แนะนำสำหรับข้าวญี่ปุ่น ยี่ห้อไหนดี ได้แก่ :
- Kitoku – ข้าวญี่ปุ่น Kitoku ข้าวนีงาตะ พันธุ์โคชิฮิคาริ
- Minori – ข้าวญี่ปุ่น Minori พันธุ์ซาซานิชิกิ
- Kitoku – ข้าวญี่ปุ่น Kitoku ข้าวนีงาตะ พันธุ์โคชิอิบุกิ
- Sachi – ข้าวญี่ปุ่น ซาจิ
- Hokuren – ข้าวญี่ปุ่น Hokuren ข้าวฮอกไกโด พันธุ์ยูเมะพิริกะ
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณเพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าด้านล่าง
รูปสินค้า |
1 Kitoku |
2 Minori |
3 Kitoku |
4 Sachi |
5 Hokuren |
6 Kitoku |
7 Musenmai |
8 กิโมโน |
9 Rozaprompt |
10 Noritake |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อสินค้า |
ข้าวญี่ปุ่น Kitoku ข้าวนีงาตะ พันธุ์โคชิฮิคาริ |
ข้าวญี่ปุ่น Minori พันธุ์ซาซานิชิกิ |
ข้าวญี่ปุ่น Kitoku ข้าวนีงาตะ พันธุ์โคชิอิบุกิ |
ข้าวญี่ปุ่น ซาจิ |
ข้าวญี่ปุ่น Hokuren ข้าวฮอกไกโด พันธุ์ยูเมะพิริกะ |
ข้าวญี่ปุ่น Kitoku อิวาเตะ พันธุ์ฮิโตเมโบเระ |
ข้าวญี่ปุ่น Musenmai อิวาเตะ พันธุ์ฮิโตะเมะโบเระ (Wash Free Rice) |
ข้าวญี่ปุ่น กิโมโน พันธุ์โคชิฮิคาริ |
ข้าวญี่ปุ่น Rozaprompt Extra ข้าวสวยพร้อมทาน |
ข้าวญี่ปุ่น Noritake |
คุณสมบัติ |
สายพันธุ์ยอดนิยมจากจังหวัดนีงาตะ หอม นุ่ม อร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ |
ทำอาหารได้หลากหลายเมนู หอมกรุ่น แพ็ก 3 ถุงปริมาณสุดคุ้ม |
เม็ดใหญ่ นุ่มลิ้น น่ารับประทาน สายพันธุ์พิเศษส่งตรงจากญี่ปุ่น |
พันธุ์ซาซานิชิกิแท้ ถุงใหญ่คุ้มค่า ส่วนประกอบหลักในการทำซูชิ |
นำเข้าจากฮอกไกโด เหนียวนุ่มอร่อย สะอาด คุณภาพได้มาตรฐาน |
จากแหล่งปลูกจังหวัดอิวาเตะ เหนียวนุ่ม เข้ากับอาหารญี่ปุ่นทุกเมนู |
ข้าวญี่ปุ่นเหนียวนุ่ม รสหวาน หุงได้ทันทีโดยไม่ต้องซาวน้ำให้ยุ่งยาก |
เมล็ดสวย หอมนุ่ม คุณภาพดี สายพันธุ์ที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทาน |
เก็บได้นานแม้ไม่ใส่วัตถุกันเสีย แค่อุ่นเวฟก็พร้อมเสิร์ฟใน 1 – 2 นาที |
ข้าวญี่ปุ่นเนื้อเหนียวนุ่ม จากแหล่งเพาะปลูกทางภาคเหนือของไทย |
ราคาเริ่มต้น | 360 บาท | 357 บาท | 550 บาท | 492 บาท | 594 บาท | 320 บาท | 299 บาท | 325 บาท | 25 บาท | 152 บาท |
สายพันธุ์ | โคชิฮิคาริ | ซาซานิชิกิ | โคชิอิบุกิ | ซาซานิชิกิ | ยูเมะพิริกะ | ฮิโตเมโบเระ | ฮิโตะเมะโบเระ | โคชิฮิคาริ | ไม่ระบุ | อาคิตะโคะมาจิ |
แหล่งปลูก | จังหวัดนีงาตะ | ไม่ระบุ | จังหวัดนีงาตะ | ไม่ระบุ | จังหวัดฮอกไกโด | จังหวัดอิวาเตะ | จังหวัดอิวาเตะ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | จังหวัดเชียงราย |
น้ำหนัก | 2 กก. | 2 กก. x 3 ถุง | 5 กก. | 2 กก. | 2 กก. | 2 กก. | 2 กก. | 5 กก. | 150 ก. | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ✓ | ☓ | ✓ | X | ☓ | ✓ | ✓ | X | – | X |
ลิงค์สินค้า |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
10 อันดับ ข้าวญี่ปุ่น ยี่ห้อไหนอร่อย รวมสายพันธุ์ยอดนิยม แบบพร้อมทาน และข้าวสาร
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่นยี่ห้อไหนดี ลองเริ่มเลือกจากข้าวญี่ปุ่นทั้ง 10 อันดับต่อไปนี้ดูดีกว่าค่ะ ซึ่งมีทั้งสายพันธุ์ยอดฮิตอย่างโคชิฮิคาริ ซาซานิชิกิ หรือฮิโตเมโบเระ รวมทั้งแบบพร้อมหุงและแบบพร้อมทานให้เลือกอย่างจุใจเลยค่ะ
1
สายพันธุ์ | โคชิฮิคาริ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดนีงาตะ |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ✓ |
2
สายพันธุ์ | ซาซานิชิกิ |
---|---|
แหล่งปลูก | ไม่ระบุ |
น้ำหนัก | 2 กก. x 3 ถุง |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ☓ |
3
สายพันธุ์ | โคชิอิบุกิ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดนีงาตะ |
น้ำหนัก | 5 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ✓ |
4
สายพันธุ์ | ซาซานิชิกิ |
---|---|
แหล่งปลูก | ไม่ระบุ |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | X |
5
สายพันธุ์ | ยูเมะพิริกะ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดฮอกไกโด |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ☓ |
6
สายพันธุ์ | ฮิโตเมโบเระ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดอิวาเตะ |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ✓ |
7
สายพันธุ์ | ฮิโตะเมะโบเระ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดอิวาเตะ |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | ✓ |
8
สายพันธุ์ | โคชิฮิคาริ |
---|---|
แหล่งปลูก | ไม่ระบุ |
น้ำหนัก | 5 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | X |
9
สายพันธุ์ | ไม่ระบุ |
---|---|
แหล่งปลูก | ไม่ระบุ |
น้ำหนัก | 150 ก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | – |
10
สายพันธุ์ | อาคิตะโคะมาจิ |
---|---|
แหล่งปลูก | จังหวัดเชียงราย |
น้ำหนัก | 2 กก. |
ไม่ต้องซาว (Musenmai) | X |
ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น และอยากจะลองลงมือทำเองดูสักครั้ง ข้าวญี่ปุ่นถือเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้เลยนะคะ แต่หากยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกข้าวญี่ปุ่นแบบไหนจึงจะหอมอร่อยตรงใจ เราก็มีวิธีการง่าย ๆ มาฝาก จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลยค่ะ
เลือกข้าวญี่ปุ่นตามสายพันธุ์ยอดนิยม
อันดับแรกที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่นคือสายพันธุ์ข้าวนั่นเองค่ะ เพราะข้าวแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหวานหอมของข้าว ความหนึบหนับ ความร่วน และความนุ่มมากน้อยต่างกันไป โดยสายพันธุ์ที่เป็นที่โปรดปรานของชาวญี่ปุ่น และสามารถหาซื้อในไทยได้ไม่ยาก มีดังนี้ค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โคชิฮิคาริ : สำหรับรับประทานคู่กับอาหารทั่วไป
ถ้าเอ่ยถึงอาหารญี่ปุ่นเมนูข้าว คงจะมีเยอะแยะมากมายจนนับไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าหมูทอด, ข้าวแกงกะหรี่ หรือข้าวปั้นโอนิกิริ ซึ่งข้าวถือเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับเมนูเหล่านี้ไม่แพ้ส่วนประกอบอื่น ๆ เลยทีเดียว ดังนั้น หากจะลงมือทำอาหารญี่ปุ่นให้มีรสชาติเหมือนกับต้นฉบับ การเลือกข้าวให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้าหากคุณต้องการหุงรับประทานคู่กับข้าวทั่วไป อาจเลือกพันธุ์โคชิฮิคาริที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีรสหวานหอมเฉพาะตัว รับประทานคู่กับอาหารได้หลากหลายประเภททั้งสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก หรืออาจเลือกพันธุ์ฮิโตเมโบเระหรืออาคิตะโคะมาจิ ที่มีความเหนียวนุ่ม กลิ่นหอม เมล็ดสวยงาม สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งข้าวหน้าต่าง ๆ หรือข้าวอบได้ค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ซาซานิชิกิ : สำหรับทำซูชิหรือข้าวปั้น
สำหรับใครที่ชื่นชอบการทานซูชิ ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ซาซานิชิกิ (Sasanishiki) น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะมีลักษณะที่ไม่เหนียวหนึบมากจนเกินไป รวมถึงมีความร่วนกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับใช้ทำซูชิ โรล หรือข้าวปั้น ซึ่งข้าวซาซานิชิกิเคยได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ชาวญี่ปุ่นเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประกอบกับเพาะปลูกได้ค่อนข้างยาก จึงทำให้หารับประทานได้ยากขึ้นในปัจจุบันค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ : ข้าวระดับไฮเอนด์จากฮอกไกโด
มาต่อกันที่ข้าวญี่ปุ่นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอย่าง ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ (Yumepirika) จากฮอกไกโด ซึ่งมีรสหวานและเข้มข้น เหนียวและนุ่มเป็นพิเศษ นิยมรับประทานเป็นข้าวสวยคูู่กับอาหารชนิดอื่น โดยเคล็ดลับของข้าวพันธุ์นี้คือ เป็นข้าวที่ได้รับการปรับสายพันธุ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้รสชาติกลมกล่อมกว่า
นอกจากนี้ ยังได้รับการยอมรับอย่างมากจากสายการบิน ANA หรือ All Nippon Airways ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เลือกใช้ข้าวสายพันธุ์นี้ในการเสิร์ฟผู้โดยสารชั้น First Class โดยเฉพาะด้วยเช่นกัน จึงมีราคาสูงกว่าข้าวญี่ปุ่นทั่วไปสักหน่อยค่ะ
เลือกข้าวญี่ปุ่นที่ไม่ต้องซาว โดยสังเกตจากตัวอักษร 無洗米 (Musenmai)
ในปัจจุบัน ข้าวญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดข้าวสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งข้าวสายพันธุ์นี้มีความพิเศษ เนื่องจากเป็นข้าวที่ผ่านการสี กำจัดรำข้าวและเปลือกออกอย่างสะอาดกว่าสายพันธุ์อื่น คุณไม่จำเป็นต้องซาวข้าวให้ยุ่งยาก ช่วยประหยัดเวลาในการหุงและลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลงไปได้อย่างมาก
โดยวิธีมองหาข้าวญี่ปุ่นไม่ต้องซาวน้ำก็ง่าย ๆ เพียงแค่ลองสำรวจหาตัวอักษร “無洗米 (Musenmai)” บนบรรจุภัณฑ์ เพราะเจ้าตัวอักษร 3 ตัวนี้มีความหมายว่า “เป็นข้าวที่ไม่ต้องซาว” ดังนั้น หากบนหน้าถุงมีคำนี้เขียนอยู่ก็ข้ามขั้นตอนการซาวข้าวไปขั้นตอนการหุงได้ทันทีเลยค่ะ
เลือกข้าวญี่ปุ่นสำเร็จรูปพร้อมทาน เพียงแค่เข้าเวฟ
การหุงข้าวมีหลายขั้นตอนและจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร ทำให้หลายคนที่ไม่มีเวลาต้องล้มเลิกความคิดในการทำอาหารรับประทานเองไปอย่างน่าเสียดาย แต่ในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ข้าวญี่ปุ่นสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ เพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบ รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวในคอนโดมิเนียมหรือหอพัก เพราะแค่มีไมโครเวฟก็สามารถรับประทานข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ไม่ต้องพึ่งหม้อหุงข้าว โดยข้าวญี่ปุ่นสำเร็จรูป 1 แพ็ก จะปริมาณพอดีกับ 1 มื้อ เรียกได้ว่าอิ่มกำลังดี ไม่เหลือทิ้งหรือเหลือเก็บด้วยค่ะ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้น่ารับประทาน
ขั้นตอนการเตรียมข้าวญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างจากข้าวไทยเล็กน้อย เนื่องจากเป็นคนละสายพันธุ์กัน ขั้นตอนแรกก่อนเริ่มหุงคือการแช่ข้าวไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหุง หรืออาจนานกว่านั้นก็ได้ แต่ควรระวังไม่ให้นานเกินไป เพราะข้าวอาจแฉะเกินพอดีได้ค่ะ
อีกเคล็ดลับสำคัญคือ หลังจากหุงเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ให้ค่อย ๆ คนข้าวเบา ๆ จากล่างขึ้นบน เพื่อไล่น้ำส่วนเกินออก รวมถึงเช็ดหยดน้ำบริเวณด้านในฝาหม้อ เท่านี้ก็จะได้ข้าวญี่ปุ่นที่หอม นุ่ม อร่อยแล้วค่ะ อย่างไรก็ตาม ข้าวแต่ละสายพันธุ์อาจมีขั้นตอนการหุงที่แตกต่างกันเนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะและกระบวนการการผลิตข้าว จึงควรอ่านขั้นตอนการหุงข้างบรรจุภัณฑ์ประกอบด้วย เพื่อให้หุงออกมาได้ถูกต้อง น่ารับประทาน ไม่เสียเปล่านั่นเองค่ะ
ข้าวญี่ปุ่นมีสายพันธุ์ให้เลือกลิ้มลองมากมาย โดยแต่ละพันธุ์ก็จะมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเลือกให้เหมาะกับเมนูที่จะทำ เพื่อดึงความอร่อยของวัตถุดิบออกมาให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ข้าวญี่ปุ่นยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใยอาหาร และสารอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น หากอยากลองลงมือทำอาหารญี่ปุ่นให้ได้รสชาติอร่อยแบบต้นฉบับแท้ ๆ และเพิ่มคุณค่าให้กับมื้ออาหารมากยิ่งขึ้น ลองเปลี่ยนมาเลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นกันดูนะคะ